เคยคิดหรือเปล่าคะว่าทำไมเราถึงใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องแม้จะร่ำเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก?
นั่นก็เพราะว่าภาษาอังกฤษที่เราเคยเรียนมาอาจจะเน้นแกรมม่าจนเกินไป ทำให้พูดติด ๆ ขัด ๆ เมื่อถึงเวลาใช้จริง ยิ่งเมื่อต้องพูดกับชาวต่างชาติในที่ทำงานแล้ว ก็ยิ่งไม่มั่นใจหรือกลัวผิดกลัวถูกไปกันอีก
“แล้วคนวัยทำงานแบบฉันจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีล่ะ ถึงจะกล้าพูดและกล้าสื่อสารอย่างมั่นใจเวลาใช้จริง?”
หากเพื่อน ๆ มีคำถามนี้อยู่ในใจก็แสดงว่ามาถูกที่แล้วค่ะ เพราะวันนี้ทางโรงเรียน Now I Love English ของเรามี 5 เช็คลิตส์เด็ด ๆ ในการเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษสำหรับวัยทำงานมาฝากเพื่อน ๆ ดังนี้
1. ค่าเรียนและจำนวนชั่วโมงคุ้มค่า
เรื่องเงิน เรื่องใหญ่ ใคร ๆ ก็รู้! ถ้าเพื่อน ๆ อยากเรียนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาตัวเอง ก็ลองหาข้อมูลของคอร์สเรียนที่สนใจแต่ละที่แล้วก็มาเปรียบเทียบกันดูค่ะ เพราะค่าเรียนภาษาอังกฤษจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ ให้เอาค่าเรียนมาหารกับจำนวนชั่วโมงเรียนทั้งหมด แล้วดูว่าราคานั้นเราจ่ายไหวหรือเปล่า เช่น หากคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับวัยทำงานราคาอยู่ที่ 15,050 บาท แต่เพื่อน ๆ สามารถเรียนได้ถึง 54 ชั่วโมง ค่าเรียนรายชั่วโมงก็จะอยู่ที่ประมาณ 278 บาทเท่านั้น ถ้าคิดแล้วเป็นราคาที่จับต้องได้ เพื่อน ๆ ก็จะตัดสินใจได้ไม่ยาก
2. คอร์สเรียนตรงความต้องการ
รองลงมาจากราคาค่าเรียนแล้ว เพื่อน ๆ จะต้องดูว่าภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ระดับไหน และอยากรปรับปรุงทักษะในส่วนใด จะเลือกคอร์สที่ตรงใจที่สุด เช่น ถ้าอยากปูพื้นฐานใหม่หมดตั้งแต่แรก ก็เลือกคอร์สภาษาอังกฤษพื้นฐานระดับ Beginner, ถ้าเน้นฟัง พูด อ่าน เขียนในที่ทำงาน ก็เลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจสำหรับวัยทำงานได้โดยตรง ซึ่งบางโรงเรียนก็จะแบ่งเป็นคอร์สย่อย ๆ เพื่อให้เป็นเร็วและใช้ได้จริงได้ทันที โดยอาจจะแบ่งเป็นคอร์สสอนเขียนอีเมลและสอนพรีเซ็นต์งาน หรือถ้าอยากเรียนเพื่อสอบไปทำงาน/เรียนต่อต่างประเทศ ก็ต้องเรียนคอร์ส IELTS เป็นต้น
3. ครูผู้สอนเชี่ยวชาญ มาตรฐานสถานบันยอดเยี่ยม
อย่าลืมดูความน่าเชื่อถือของโรงเรียนและเช็ครีวิวจากผู้เรียนจริงด้วยว่ามาตรฐานของสถาบันหรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่เพื่อน ๆ สนใจนั้นได้รับการยอมรับมากแค่ไหน จากนั้นก็ดูว่าครูผู้สอนเป็นใคร มาจากประเทศไทย และมีประสบการณ์การสอนยาวนานเพียงใด ที่สำคัญต้องมีใบประกาศนียบัตรรับรองด้วยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง นอกจากนี้ก็อย่าลืมเลือกโรงเรียนที่มีสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย สอนสนุก และเน้นปฏิบัติจริง เพราะครูมีส่วนต่อความกล้าแสดงออกของเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก และถ้าหากเพื่อน ๆ เลือกโรงเรียนตามคุณสมบัติที่ว่านี้ เพื่อน ๆ ก็จะกล้าพูดกล้าสื่อสารตั้งแต่เรียนครั้งแรก ๆ เลย
4. ที่ตั้งเข้าถึงง่าย เดินทางสะดวก
ควรเลือกสถานบันหรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่เดินทางสะดวกและเข้าถึงง่าย เพราะการเดินทางก็มีส่วนต่อความตั้งใจเรียนเช่นกัน ลองคิดดูว่าถ้าหากเพื่อน ๆ ต้องนั่งรถ 1 – 2 ชั่วโมงมาเพื่อเรียน พอมาถึงโดรงเรียนก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่อยากเรียนแล้วก็ได้ ดังนั้นให้เลือกโรงเรียนที่มีการคมนาคมลื่นไหล เช่น เลือกโรงเรียนที่ไม่ไกลจากบ้าน เดินทางสะดวกจากที่ทำงาน หรือไปเรียนได้ด้วยรถไฟฟ้า เพื่อน ๆ จะได้มีแรงสนุกกับการเรียนได้อย่างเต็มที่และไม่เสียเวลาหรือเหนื่อยล้าไปกับการเดินทางเป็นส่วนใหญ่
5. จำนวนนักเรียนในห้องเรียนไม่มากจนเกินไป
อย่างที่เรารู้กันดีนั่นแหละค่ะว่ายิ่งมีจำนวนนักเรียนในคลาสน้อย เพื่อน ๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสการแสดงความคิดเห็นและพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนมากเท่านั้น แล้วอาจารย์ก็จะดูแลทั่วถึงและเข้าใจนักเรียนแต่ละคนง่ายขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ จึงควรเลือกเรียนในคลาสที่มีนักเรียนไม่เกิน 10-15 คน ถ้าเยอะกว่านี้โอกาสในการฝึกภาษาในชั้นเรียนของเพื่อน ๆ ก็อาจจะลดลงได้ แล้วถ้าเพื่อน ๆ กลัวว่ามีคนเรียนน้อยแล้วค่าเรียนจะแพงขึ้น ก็ให้ลองคิดถึงประสิทธิภาพในการเรียนดูค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วแม้ค่าเรียนจะถูก แต่ถ้าผลที่ได้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เพื่อน ๆ จ่ายไป เพื่อน ๆ ก็อาจจะเสียใจภายหลังได้
ได้ 5 เช็คลิสต์ในการเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษสำหรับวัยทำงานกันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องเลือกที่เรียนจริง ๆ แล้วนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ เลือกโรงเรียนได้ตามเช็คลิสต์ที่เราแนะนำไป รับรองว่าจะไม่มีบ่นเสียดายเงินและเวลาทีหลังแน่นอน แล้วทักษะทางภาษาของเพื่อน ๆ จะปังมากขึ้น และเพื่อน ๆ ก็จะพร้อมร่วมงานกับชาวต่างชาติได้อย่างไม่เคอะเขินค่ะ